แซฟไฟร์ (
อังกฤษ:
Sapphire) เป็น
พลอยตระกูล
คอรันดัม มีหลายสี แต่โดยทั่วไปมักหมายถึงเฉพาะที่มีสีน้ำเงิน ใน
ประเทศไทย เดิมเรียกว่า
นิลกาฬ (
นิลก็ยังหมายถึงพลอยอีกชนิดหนึ่ง) แต่ปัจจุบันนิยมเรียกว่า
ไพลิน ตามชื่อของแหล่งกำเนิดจาก
เหมืองพลอย ใน
จังหวัดไพลิน ประเทศกัมพูชา ที่ในช่วงหนึ่งมีการนำเข้ามาในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก
[2]
แซฟไฟร์จัดเป็นแร่ในประเภท (Species)
คอรันดัม (Corundum) เช่นเดียวกับ
ทับทิม (Ruby) ซึ่งพลอยคอรันดัมนี้เป็นพลอยที่มีความแข็งรองลงมาจาก
เพชร จึงทำให้แซฟไฟร์ เหมาะอย่างยิ่งที่จะนำไปทำเครื่องประดับ
ชาว
เปอร์เซียโบราณเชื่อกันว่าแซฟไฟร์ คือ "หินที่มาจากฟ้า" เนื่องจากพวกเขาเชื่อว่าโลก ตั้งอยู่บน แซฟไฟร์ ขนาดมหึมา จึงทำให้สะท้อนแสงแดด ออกไปสู่ท้องฟ้ามีสีน้ำเงิน ตามตำนานกล่าวว่า แซฟไฟร์เป็นพลอยของกษัตริย์ที่ใช้สวมใส่เพื่อป้องกันภยันตราย ทำให้เชื่อกันว่าผู้ที่สวมใสแซฟไฟร์จะมีชีวิตที่สดใส มีพลังในการดำรงชีวิต และแซฟไฟร์นี้สามารถปกป้องอันตรายแก่ผู้ที่สวมใส่ได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังถือเอาแซฟไฟร์นี้เป็นสัญลักษณ์ของความจริงใจ และมั่นคงอีกด้วย
ปัจจุบันหากพูดถึงแซฟไฟร์ คำเดียวจะหมายถึง Blue Sapphire หรือ ไพลิน มาจาก
ภาษาเปอร์เชีย "Saffir" หรือจาก
ภาษากรีก "Sappheiros" แปลว่า สีน้ำเงิน หรือจาก
ภาษาสันสกฤต "ศนิปฺริย" (ศนิ = พระเสาร์, ปฺริย = ผู้เป็นที่รัก) แปลว่าของมีค่าของ
เทพแซทเทิร์น (ในเทพปกรณัมโรมัน)
[3] [4] อย่างไรก็ตาม ในภาษาสันสกฤตยังมีคำเรียกแซฟไฟร์สีน้ำเงินว่า "อินฺทฺรนีล" หมายถึง "สีน้ำเงินเหมือนพระอินทร์"
ในสมัยโบราณ จะเรียกพลอยคอรันดัมที่มีสีน้ำเงินว่าแซฟไฟร์ แต่ในความเป็นจริงพลอยคอรันดัมมีได้หลากสี เช่น สีเหลือง, ชมพู, ม่วง, เขียว เป็นต้น ดังนั้นหากเราต้องการจะเรียกพลอยคอรันดัมชนิดอื่นที่ไม่ใช่ไพลิน (Blue Sapphire) เราจะต้องระบุสีด้วย เช่น Yellow Sapphire (
บุษราคัม), Green Sapphire (เขียวส่อง), Pink Sapphire (แซฟไฟร์ชมพู) เป็นต้น
ในปัจจุบันแซฟไฟร์ส่วนใหญ่มักผ่านการปรับปรุงคุณภาพด้วยความร้อนหรือที่เราเรียกกันว่าการเผา แต่ก็ได้รับการยอมรับกันโดยทั่วไปในตลาดพลอย เพราะการเผาจะทำให้สีดีของแซฟไฟร์ดีขึ้นและอยู่คงทนถาวร
แซฟไฟร์เป็นพลอยประจำเดือนเกิดของผู้ที่เกิดเดือนกันยายน และแซฟไฟร์ยังถือเป็นสัญญลักษณ์ที่คู่รักนิยมมอบเป็นของขวัญให้แก่กันในโอกาสครบรอบการแต่งงานในปีที่ 5, 15, 23 และ ปีที่ 45 แซฟไฟร์ได้รับความนิยมในหมู่คนทั่วไปทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
อเมทิสต์ (Amethyst) อัญมณีสีม่วง เป็นพลอยในตระกูลควอทส์ ถูกกำหนดให้เป็นอัญมณีสำหรับผู้ที่เกิดเดือนกุมภาพันธ์ คำว่า "อเมทิสต์" เป็นคำมาจากภาษากรีก ว่า Amathystos แปลว่า "ไม่มึนเมา" บางคนเชื่อว่าอเมทิสต์จะนำโชคลาภมาสู่ผู้ครอบครอง ทำให้ผู้สวมใส่เกิดความมุ่งมั่น สามารถป้องกันเวทมนตร์ รวมทั้งยังรักษาโรคคิดถึงบ้านได้ บ้างก็เชื่อว่าอเมทิสต์ทำให้ผู้สวมใส่มีสมองปลอดโปร่ง มีไหวพริบปฏิภาณในการสู้รบ ทำให้มีความเป็นเลิศในทางการทำการค้าธุรกิจ
ในหมู่ชาวยิว ถือว่าสีม่วงของอเมทิสต์ เป็นสีสำหรับกษัตริย์ ดังนั้นทำให้อเมทิสต์ อัญมณีสีม่วงกลายเป็นเครื่องประดับพระมหากษัตริย์ และยังได้รับความนิยมในกลุ่มทางศาสนาเพราะเชื่อว่าช่วยดลบันดาลให้เกิดความเที่ยงธรรมแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่
อเมทิสต์ ตามธรรมชาติมีตั้งแต่สีม่วงอ่อนจนเกือบไร้สีจนถึงสีม่วงเข้ม เนื้อพลอยมีตั้งแต่ใสสะอาดจนถึงขุ่นทึบ อเมทิสต์ที่ถือว่ามีคุณภาพสวยต้องมีสีสดเข้ม เสมอทั้งเม็ด เนื้อใสสะอาดมองไม่เห็นตำหนิด้วยตาเปล่า เจียระไนรูปร่างสมส่วนมีประกายดี ซึ่งอเมทิสต์ คุณภาพดี สีเข้ม สวยสด เนื้อใสสะอาด ขนาดใหญ่หาได้ไม่ยากและยังมีปริมาณมาก
แหล่งกำเนิดของอเมทิสต์ ที่มีคุณภาพสูงคือ บราซิล แหล่งอื่นเช่น อินเดีย นามิเบีย ศรีลังกา
การพิจารณาเลือกซื้ออเมทิสต์ ปัจจัยอันดับแรกคือ คุณภาพสี ที่ดีที่สุดจะต้องมีสีม่วงเข้มสด คุณภาพรองลงมาคือ สีม่วงปานกลาง ม่วงอ่อน และสุดท้ายคือ สีม่วงดำ และพิจารณาความสม่ำเสมอของสี ว่ามีสีทั่วทั้งเม็ดหรือไม่ วิธีการดูคือ ให้คีบพลอยคว่ำลงบนกระดาษขาวก็จะสามารถมองเห็นได้ว่า พลอยเม็ดนี้มีสีเป็นหย่อมๆหรือมีสีเสมอทั่วทั้งเม็ด ปัจจัยต่อมา คุณภาพความสะอาด อเมทิสต์ที่ม่ีคุณภาพเนื้อดีมากจะไม่พบเห็นตำหนิใดๆเลย แม้จะมองด้วยแว่นขยาย 10 เท่า อเมทิสต์ที่เนื้อดูขุ่นตันถือว่าคุณภาพต่ำสุด ปัจจัยความสมส่วนของรูปทรง ความประณีตในการเจียรเหลี่ยมมุมและการชักเงา ตลอดจนประกายแสง ซึ่งควรจะมีมากกว่า 50% ขึ้นไป
การดูแลรักษา อเมทิสต์ เป็นอัญมณีที่มีความแข็งแรง แต่สามารถเกิดรอยขีดข่วนได้ จึงควรระมัดระวังในการทำความสะอาด ในการสวมใส่ ให้ทำความสะอาดด้วยน้ำอุ่น หลีกเลี่ยงสารเคมี และการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างรวดเร็ว เก็บรักษาไว้ในภาชนะบุด้วยผ้านุ่ม |
|